
Digital Forensics (นักสืบไซเบอร์) คือสิ่งจำเป็นในยุคนี้
โลกดิจิทัลที่ “เร่งรีบ” ไม่แพ้กรุงเทพฯ
สวัสดีครับ! ในฐานะคนที่คลุกคลีอยู่กับโลกของ Digital Forensics (การสืบสวนพยานหลักฐานดิจิทัล) ผมอยากชวนคุณคุยเรื่องหนึ่งครับ
ทุกวันนี้ เราใช้ชีวิตกันแบบ “เร่งรีบ” ในกรุงเทพฯ ใช่ไหมครับ? ทุกอย่างคือการแข่งขัน แย่งกันขึ้น BTS วางแผนหนีรถติด ข้อมูลข่าวสารวิ่งเข้าหาเราทุกวินาที
โลก “ดิจิทัล” หรือโลกออนไลน์ของเรา ก็ไม่ต่างกันเลยครับ มันคือกรุงเทพฯ อีกเวอร์ชันหนึ่ง ที่ทั้งเร็ว เร่งรีบ และเต็มไปด้วย “ข้อมูล” (Data) มหาศาล
เปรียบเหมือน “รถ” ที่วิ่งกันขวักไขว่
แต่คำถามคือ ถ้าเกิด “อุบัติเหตุ” หรือ “ภัยคุกคามทางไซเบอร์” (Cyber Threats) ขึ้นล่ะ? เราจะ “เคลียร์” ปัญหานั้นยังไง?

🚨 ชนแล้วหนี
- ในชีวิตจริง คุณจอดรถไว้ในซอย กลับมาอีกที ไฟท้ายแตก มีรอยบุบ แต่… ไม่มีคนเห็น ไม่มีโน้ต กล้องวงจรปิดก็ดันชี้ไปอีกทาง คุณหัวเสีย แต่ไม่รู้เลยว่าใครทำ ทำตอนไหน
- ในโลกดิจิทัล มันเหมือนกับที่คุณเปิดคอมมาแล้วพบว่า… ไฟล์ถูกลบ (Deleted Files) หายไปเฉยๆ, โปรแกรมไม่ทำงาน หรือแย่กว่านั้นคือ บัญชีโดนแฮ็ก (Hacked Account) คุณรู้ว่า ‘มีอะไรผิดปกติ’ แต่ไม่รู้ว่าใครทำ? มันเข้ามาทางไหน? และไฟล์ที่หายไปจะทำ การกู้ข้อมูล (Data Recovery) กลับมาได้ไหม?
Digital Forensics เปรียบเหมือน “ทีมสืบสวนที่เกิดเหตุ” ครับ
ต่อให้คนร้ายคิดว่า “ลบ” ไปแล้ว เราคือคนที่จะไปไล่หา ‘ร่องรอยดิจิทัล’ (Digital Footprints) ที่ทิ้งไว้ เราจะสอนให้คุณเป็น ‘นักสืบ’ ที่สามารถตามหาหลักฐาน และเรียนรู้กระบวนการ Data Recovery เพื่อ ‘กู้’ ไฟล์ที่คิดว่าหายไปแล้วกลับมา และ ‘ปะติดปะต่อเรื่องราว’ ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ นี่คือหัวใจของ การสืบสวนทางดิจิทัล ครับ
🗺️ ท่อประปาแตก
- ในชีวิตจริง คุณเคยเห็นถนนทรุด หรือน้ำท่วมขังแบบไม่ทราบสาเหตุไหมครับ? กว่าเราจะรู้ตัว “ท่อประปา” ที่อยู่ใต้ดินก็อาจจะ ‘รั่ว’ ไปนานแล้ว สร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง เรามองไม่เห็นปัญหา จนกระทั่งมัน ‘โผล่’ ขึ้นมาบนผิวถนน
- ในโลกดิจิทัล นี่คือปัญหาคลาสสิกของ “ข้อมูลรั่วไหล” (Data Breach หรือ Data Leak) ครับ มันอาจเกิดจากพนักงาน (ทั้งตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ) แอบส่งข้อมูลสำคัญของบริษัทออกไปทีละเล็กทีละน้อย หรือมี ‘ช่องโหว่’ ที่เรามองไม่เห็น ทำให้ข้อมูลสำคัญ ‘รั่ว’ ออกไปหาคู่แข่ง กว่าเราจะรู้ตัว ความเสียหายก็อาจจะประเมินค่าไม่ได้แล้ว
Digital Forensics เปรียบเหมือน “เครื่องมือตรวจสอบ” ครับ
แทนที่จะรอให้ถนนพัง เราจะสอนให้คุณใช้เครื่องมือเพื่อ ‘ตรวจสอบ’ และ ‘ฟังเสียง’ ที่ผิดปกติ เราสามารถ ‘อ่านแผนที่’ (หรือ Log file) เพื่อดูว่า ‘ข้อมูล’ ของเราวิ่งไปทางไหนที่มันไม่ควรไป หรือใครเป็นคนแอบมา ‘เจาะท่อ’ ของเรา นี่คือทักษะสำคัญสำหรับ Cyber Investigation เพื่อหยุดยั้งความเสียหายก่อนที่มันจะสายเกินไป


🚀 ทำไมทักษะนี้ถึงเป็น “ข้อได้เปรียบ” ในยุคแห่งการแข่งขัน?
ในโลกธุรกิจที่ “แข่งขัน” กันสูงเหมือนแย่งที่จอดรถในห้างวันเสาร์ การ “รู้ทัน” และ “ปกป้อง” ข้อมูลได้ คือความได้เปรียบมหาศาล
คุณไม่จำเป็นต้องเป็น “เทพคอมพิวเตอร์” หรือมีพื้นฐาน Cybersecurity (ความปลอดภัยทางไซเบอร์) มาก่อน
คุณแค่ต้อง “อ่านแผนที่” ให้ออก และ “รู้จักเครื่องมือ” ที่ถูกต้อง
เมื่อคุณมีทักษะ Computer Forensics นี้:
- สำหรับเจ้าของธุรกิจ: คุณจะรู้ทันทีเมื่อมีภัยคุกคาม ,สงสัยว่ามีการทุจริตภายใน, พนักงานขโมยข้อมูล หรือลบข้อมูล
- สำหรับคนทำงาน: ทักษะนี้คือ “อาวุธลับ” ที่ทำให้คุณโดดเด่น ไม่ว่าคุณจะอยู่ฝ่าย IT, HR, หรือกฎหมาย คุณจะกลายเป็นคนที่ช่วย “ไขปริศนา” ที่คนอื่นแก้ไม่ได้ (ถือเป็น ทักษะ IT ที่มีมูลค่าสูงมาก)
- สำหรับคนทั่วไป: คุณจะเข้าใจโลกดิจิทัลมากขึ้น ปกป้องตัวเองและครอบครัวจากภัยออนไลน์ได้ดีขึ้น, ตรวจสอบเว็ปไซต์ปลอม, เว็ปหลอกลวง, อีเมลหลอกลวง หรือตรวจสอบไฟล์อันตราย
💡 คุณก็เริ่มต้น “เรียน Forensics” ได้ แม้ไม่มีพื้นฐาน
ผมเชื่อว่าหลายคนอ่านถึงตรงนี้แล้วอาจจะคิดว่า “มันคงยาก” หรือ “เราไม่มีพื้นฐานเลย”
นั่นคือเหตุผลที่ผมออกแบบ หลักสูตร Digital Forensics มาครับ และมันถูกออกแบบมาเพื่อ “คนธรรมดา” ที่อยากเปลี่ยนความ “ไม่รู้” ให้เป็น “รู้จริง”
นี่คือคอร์ส อบรม Computer Forensics ที่เราจะข้ามศัพท์เทคนิคที่น่าปวดหัว แต่เน้น “กระบวนการ” และ “วิธีคิด” ที่คุณเอาไปใช้ได้จริงทันที
ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่อยาก “อ่านเกม” ในโลกดิจิทัลให้ออก อยากมี “ทางลัด” เข้าใจร่องรอยที่คนอื่นมองไม่เห็น…
ผมอยากชวนคุณมาเริ่มต้น “ก้าวแรก” ด้วยกันครับ

ลองดูรายละเอียด หลักสูตร Digital Fraud Investigation Techniques ของเราได้ที่นี่ครับ
แล้วมาเปลี่ยนความ “สับสน” ในโลกดิจิทัล ให้เป็น “อาวุธ” ที่ทรงพลังที่สุดของคุณกันครับ

การสืบสวนสกุลเงินดิจิทัล Cryptocurrency และเครื่องมือ

“หากคุณตกเป็นเหยื่อจากการหลอกลวงที่เกี่ยวกับ Cryptocurrency และต้องการความช่วยเหลือในการรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อดำเนินคดีในทางกฏหมาย Orion Investigations ช่วยคุณได้ “
Crypto Blockchain คือการประมวลผลและจัดเก็บข้อมูลแบบกระจายศูนย์ซึ่งมีรายละเอียดบันทึกของการดำเนินของธุรกรรมสกุลเงินดิจิทัลอยู่
เพื่อช่วยในการวิเคราะห์และติดตามการทำธุรกรรมในระบบ Blockchain คุณ แอนดรูว์ สมิธ ผู้อำนวยการฝ่ายบริการ Computer Forensics จาก บริษัท Orion Investigations ได้พัฒนาเครื่องมือวิเคราะห์และสืบค้นที่ชื่อว่า Blockchain Detective
ถ้าหากคุณ ! ตกเป็นเหยื่อจากการฉ้อโกงของ Cryptocurrency สามารถติดต่อมาที่ Orion Forensics ทางเราสามารถให้คำแนะนำกับคุณได้
Read full article ==> Cryptocurrency Investigations
Email : forensics@orionforensics.com
Line ID : orionforensics
Mobile Phone : +66(0)89-960-5080

อบรม Hands-on Workshop Digital Forensics Foundation Course 4 Days โดย บริษัท Tech Direct
Orion Forensics ได้รับเชิญให้บรรยาย และฝีกอบรมหลักสูตร Hands-on Workshop Digital Forensics Foundation Training Course – 4 DAYS โดยบริษัท Tech Direct ให้แก่ผู้ที่สนใจจาก สำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ และหน่วยงานสืบสวนทางด้านดิจิทัลที่เกี่ยวข้อง เมื่อวันที่ 20-23 ธันวาคม 2565
ทางเราได้จัดอบรมในหลักสูตรการพิสูจน์หลักฐานทางดิจิทัล (digital forensic) รวมถึงทางด้านเทคนิคต่างๆ โดยจะครอบคลุมเนื้อหาเชิงลึกและฝึกปฏิบัติตามสถานการณ์จริง ตามวัตถุประสงค์การเรียนรู้ในแต่ละขั้นตอน โดยในการอบรมครั้งนี้ Orion Forensics ได้ปรับหลักสูตรเพื่อตรงการทำงานของผู้เชี่ยวชาญที่เข้าฝึกอบรมอีกด้วย หลักสูตรนี้ได้รับการออกแบบโดยผู้ตรวจพิสูจน์ ที่เชี่ยวชาญนิติวิทยาศาสตร์และดิจิทัลที่มีประสบการณ์หลายปี ทั้งในประเทศและต่างประเทศ

เนื้อหาและข้อมูลสำหรับหลักสูตรนี้ Digital Forensics Foundation Training Course 4 Days
องค์กรใดสนใจจัดอบรม In-House ติดต่อสอบถาม Forensics Team โดยตรง forensics@orionforensics.com




Read More
Digital Forensics คืออะไร
Computer Forensics / Digital Forensics คือ การเก็บหลักฐาน, การค้นหา, วิเคราะห์ และการนำเสนอหลักฐานทางดิจิทัลที่อยู่ในอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ เช่น ไฟล์ที่อยู่ในคอมพิวเตอร์,อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์, โทรศัพท์มือถือ รวมถึงหลักฐานดิจิทัลที่ถูกสร้างจากระบบคอมพิวเตอร์ เป็นต้น ซึ่งข้อมูลเหล่านี้สามารถนำไปใช้ระบุผู้กระทำผิดจนถึงเป็นหลักฐานในการดำเนินคดีได้ กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ใช้กระบวนการซึ่งได้จัดสร้างไว้แล้ว และเป็นที่ยอมรับ ในการที่จะระบุ, บ่งชี้, เก็บรักษา และดึงข้อมูลแบบดิจิทัลกลับออกมา ซึ่งจะมีความสำคัญต่อการสืบสวนคดีในยุคปัจจุบัน
Computer Forensics เป็นศาสตร์ทางด้านการสืบสวนที่เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์โดยผู้ทำการสืบสวน นั้น จะนำอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่เกี่ยวข้องกับคดีหรือเรื่องที่กำลังสืบสวนมาค้นหาข้อมูล เพื่อสืบค้นหาพยานหลักฐานสำหรับใช้ในการประกอบการสืบสวนหรือใช้ค้นหาผู้กระทำความผิดออกมา ทั้งนี้ตามวิธีการของการทำ Computer Forensics ซึ่งหลักสำคัญคือหลักฐานทางดิจิทัล นั้น จะต้องใช้วิธีการที่ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆทั้งสิ้นแก่พยานหลักฐานดิจิทัล ต้นฉบับเดิม ดังนั้นผู้ที่ทำงานด้าน Computer Forensicsจะต้องรู้กระบวนการที่ถูกต้องและใช้เครื่องมือที่มีความน่าเชื่อถือเพื่อความสมบูรณ์และถูกต้องของพยานหลักฐาน
สิ่งที่ได้จาก Computer Forensics :
- บ่งชี้ผู้ต้องสงสัยว่าเป็นผู้กระทำผิด
- บ่งชี้ผู้สมคบคิดกับผู้กระทำผิด
- บ่งชี้ websites ที่ผู้กระทำผิดเข้าไปใช้
- อีเมล์ที่มีการส่งและรับ
- ไฟล์ที่ได้ถูกลบทิ้งและไฟล์ที่ซ่อนอยู่
- ข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ข้อมูลด้านการเงิน, ที่อยู่ ฯลฯ
- ความสามารถและความสนใจของของบุคคลนั้นๆ
- พยานหลักฐาน การประกอบอาชญากรรมอื่นๆ
ในการค้นหาหลักฐานทุกครั้งนั้นผู้เชี่ยวชาญด้าน Computer Forensics จะทำการตรวจสอบข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ ที่เก็บไว้ในคอมพิวเตอร์ และ อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลทางดิจิทัลสำหรับหลักฐานที่ใช้แนวทางของการทำ Computer Forensics ในการค้นหาหลักฐาน มีความจำเป็นที่ขั้นตอนนี้ต้องมีความชัดเจนในการในการอธิบายหลักฐานในแนวทางของ Computer Forensics
แนวทางการทำ Computer Forensics เป็นวิธีการที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงแหล่งที่มาของหลักฐาน หรืออาจมีการเปลี่ยนแปลงน้อยที่สุดเพื่อให้ใด้หลักฐานที่ต้องการ วิธีการได้มาของหลักฐานจะถูกบันทึกเป็นเอกสารและสามารถพิสูจน์ได้
การทำ Computer Forensics สามารถแบ่งออกเป็น 5 ขั้นตอนที่สำคัญดังนี้
1.การเก็บรักษา – เมื่อจะต้องจัดการเก็บข้อมูลดิจิทัล ผู้ตรวจสอบจะต้องทำการทุกอย่างเพื่อรักษาข้อมูลไว้ นี่สามารถทำได้โดยการปฏิบัติของผู้ตรวจสอบจะต้องไม่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงข้อมูล โดยปกติแล้วจะรวมถึงการสร้างสำเนาข้อมูล หรือ Cloning ข้อมูลต้นฉบับไว้ ข้อมูลดิจิทัลสามารถเก็บไว้บนฮาร์ดไดร์ฟ, CD/DVD, floppy disks, USB drives, มือถือ, เครื่องเล่นดนตรี และเทปสำรอง.
2.การวินิจฉัย – ความจุของฮาร์ดไดร์ฟจะเพิ่มขึ้นปีต่อปี ผลก็คือการตรวจสอบอาจประกอบด้วยข้อมูลดิจิทัลเป็นร้อยๆกิ๊กกะไบท์ เพื่อที่จะระบุหลักฐานที่เป็นไปได้ผู้สืบสวนจะใช้เทคนิคเช่นการค้นหา keywords หรือ กรองข้อมูลเจาะจงของไฟล์เช่นเอกสาร รูปภาพ หรือไฟล์ประวัติอินเตอร์เน็ต
3.การแยกข้อมูล – เมื่อหลักฐานได้รับการวินิจฉัย มันจะต้องถูกแยกข้อมูลออกมาจากสำเนาข้อมูล ขึ้นอยู่กับขนาดของข้อมูล อาจปริ้นท์ออกมาเป็นเอกสารได้ อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเช่นประวัติอินเตอร์เน็ตอาจจะมีหลายร้อยหน้าและจะต้องทำออกมาในรูปแบบอีเล็คทรอนิกส์
4.การอธิบาย – การระบุและแยกหลักฐานคือส่วนหนึ่งของหน้าที่ของผู้ตรวจสอบ มันมีความสำคัญมากที่จะต้องอธิบายเกี่ยวกับหลักฐานให้ถูกต้อง ผู้ตรวจสอบไม่ควรจะพึ่งพาเครื่องมืออัตโนมัติ ผู้ตรวจสอบควรจะมีความสามารถในการตรวจสอบและเข้าใจผลลัพธ์ที่ได้มาจาก forensic software
5.บันทึกของของหลักฐานคอมพิวเตอร์ – เมื่อการตรวจสอบเริ่มขึ้น ผู้ตรวจสอบจะต้องรักษาบันทึกที่เกี่ยวกับการทำงานกับข้อมูลดิจิทัลให้มีความอัพเดทอยู่สม่ำเสมอและขั้นตอนของการทำการตรวจสอบ บันทึกควรจะมีข้อมูลที่เพียงพอเพื่อให้บุคคลที่สามสามารถทำตามแล้วได้ผลลัพธ์ที่ออกมาเหมือนกัน การสร้างหลักฐานสำคัญจะไม่มีความหมายเลยถ้าผู้ตรวจสอบไม่สามารถสร้างรายงานที่ชัดเจนได้เข้าใจได้ สำคัญมากที่จะต้องไม่ใช้ศัพท์ทางเทคนิคมากเกินไปและเมื่อมีการใช้ศัพท์เมื่อจำเป็น ศัพท์เหล่านั้นจะต้องมีคำอธิบายที่ชัดเจน ผู้ตรวจสอบอาจต้องทำการแสดงหลักฐานที่พบในชั้นศาลในฐานะพยานผู้เชี่ยวชาญ

สมาคมเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูงของสหราชอาณาจักร (ACPO) ได้จัดทำคู่มือแนะนำการปฏิบัติงานเก็บหลักฐานสำหรับหลักฐานอิเล็กทรอนิกส์ (Computer-Based Electronic Evidence) โดยคู่มือนี้ได้กำหนดหลักการสำคัญในการได้มาซึ่งหลักฐานทาง Computer Forensics 4 ประการคือ
หลักการที่1:หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายหรือตัวแทนองค์กร ไม่ควรดำเนินการใดๆ ที่จะเปลี่ยนแปลงข้อมูลที่เก็บไว้ในคอมพิวเตอร์หรือสื่อบันทึกข้อมูลต่างๆ ซึ่งอาจนำไปใช้ในศาลได้ในภายหลัง
หลักการที่2:ในกรณีที่บุคคลใดมีความจำเป็นที่จะมีการเข้าถึงข้อมูลในคอมพิวเตอร์หรือสื่อบันทึกข้อมูลซึ่งเป็นหลักฐาน บุคคลนั้นจะต้องอธิบายถึงความเกี่ยวข้องกับข้อมูลและผลกระทบจากการกระทำนั้น
หลักการที่3:หลักฐานการตรวจสอบหรือบันทึกอื่น ๆ ของกระบวนการตรวจสอบทั้งหมดที่ใช้กับหลักฐานทางอิเล็กทรอนิกส์รควรได้รับการจัดทำและรักษาไว้ (Chain of Custody)โดยผู้ตรวจสอบหากมีบุคคลที่สาม หรือองค์กรอิสระ ที่เข้ามาตรวจสอบ ก็จะได้ผลลัพเช่นเดียวกัน
หลักการที่4:บุคคลที่รับผิดชอบในการดำเนินการตรวจสอบ(เจ้าหน้าดูแลคดีนั้นโดยตรง) จะต้องรับผิดชอบต่อการกระทำเพื่อให้มั่นใจว่าจะปฏิบัติตามกฎหมายและหลักการ Computer Forensics
หลักการของ Computer Forensics 4 ข้อ ที่นำเสนอ สามารถนำไปใช้ในคดีต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น คดีอาญา, คดีแพ่ง หรือการสืบสวนภายในองค์กร การนำหลักการนี้มาใช้จะช่วยให้ไม่เกิดคำถามในเรื่องความสมบูรณ์ของหลักฐานดิจิทัล

เกี่ยวกับผู้เขียน : Mr. Andrew Smith (Andy)
บริการ รวบรวม วิเคราะห์หลักฐานทางคอมพิวเตอร์ และ ขึ้นเป็นพยานในชั้นศาล
Read Moreทำไมการทำ Computer Forensics จึงมีความสำคัญต่อองค์กรของคุณ
ในโลกที่ก้าวไปอย่างรวดเร็วปัจจุบันองค์กรต้องพึ่งพาเทคโนโลยีมากขึ้นเพื่อให้ทันต่อการแข่งขัน ปัจจุบันลูกค้าทั่วไปต่างคาดหวังว่า สินค้าหรือองค์กรต่างๆที่เค้าต้องการหาสินค้าจะต้องมีเว็บไซท์ที่น่าสนใจและข้อมูลครบตามความต้องการซึ่งสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดีในกรณีที่ต้องการซื้อสินค้าออนไลน์ ซึ่งแน่นอนว่าก่อนสั่งสินค้า ลูกค้าต้องมีสิทธ์ในการสอบถามข้อมูลของสินค้า โดยผ่านโปรแกรมแชทที่เจ้าของเว็บไซต์เตรียมไว้ให้ และฟังก์ชั่นการทำงานของเวไซต์อื่นที่น่าสนใจเช่น ดูตัวอย่างสินค้า
ปัจจุบันเทคโนโลยีได้กลายเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวันของผู้คน โดยส่วนใหญ่เน้นเชื่อมต่อระหว่างอีเมล์ของตัวเองและสามารถติดต่อกับเพื่อนๆได้ในช่วงเวลาทำงาน
Computer Forensics สำคัญต่อองค์กรของคุณอย่างไร?
การทำ Computer Forensics คือขั้นตอนการพิสูจน์หลักฐานทางคอมพิวเตอร์ที่จะต้องเผชิญกับเหตุการณ์การตรวจสอบข้อมูลต่างๆทางคอมพิวเตอร์ที่เกิดขึ้นในโลกไซเบอร์ใบนี้ และเหตุการณ์บางอย่างที่เกิดขึ้นไม่ได้มีการเตรียมตัวมาก่อน ที่จะจัดการกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ โดยทั่วไปในองค์กรจะมีการรักษาความปลอดภัยด้วยการใช้ไฟร์วอล และอัพเดตโปรแกรมป้องกันไวรัส อย่างไรก็ตามองค์กรส่วนใหญ่ไม่ได้มีนโยบายควบคุมการใช้อุปกรณ์ USB ซึ่งทำให้สามารถใช้อุปกรณ์นี้เชื่อมต่อกับระบบเครือข่ายและระบบโทรศัพท์ได้ ซึ่งอาจทำให้เกิดการรับส่งข้อมูลขององค์กร และเมื่อมีการยกเลิกสัญญาพนักงานจึงต้องมีการปิดบัญชีผู้ใช้ให้ทันท่วงทีองค์กรทั่วไปจะมีกฎและข้อบังคับเกี่ยวกับการรักษาข้อมูลลูกค้า อย่างไรก็ตามการรั่วไหลของข้อมูลยังคงเป็นปัญหาใหญ่ที่องค์กรเหล่านี้ต้องเผชิญอยู่ในโลกของเทคโนโลยีทุกวันนี้
เมื่อมีเหตุการณ์เกิดขึ้นกับคอมพิวเตอร์แน่นอนว่าในที่สุด ทุกองค์กรจะต้องมีการจัดการกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโลกไซเบอร์
ตัวอย่างของเหตุการณ์ในโลกไซเบอร์ที่พบกันบ่อยๆซึ่งอาชญากรรมที่พบบ่อยได้แก่
• การทุจริตทางคอมพิวเตอร์
• อาชญากรรม
• การจารกรรมข้อมูลในภาคอุตสาหกรรมรม
• การโจรกรรมข้อมูลลับขององค์กร
• การละเมิดลิขสิทธ์ส่วนบุคคล / การสูญเสียข้อมูลของลูกค้า
• สื่อลามกอนาจารสำหรับเด็กและผู้ใหญ่
• การกระทำต่างๆที่เป็นการละเมิดนโยบายการรักษาความปลอดภัยของคอมพิวเตอร์ขององค์กร และอื่น ๆ
เมื่อมีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นผู้กระทำผิดจะทิ้งช่องโหว่ เช่น ทางจริยธรรม ทางการเงินและถูกทางกฎหมาย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต้องได้รับการตรวจสอบอย่างจริงจัง โดยเริ่มจากการตรวจสอบหลักฐานจากภายใน อย่างรวดเร็วเพื่อขยายผลไปสูการตรวจสอบคดีทางอาญาซึ่งจะเกี่ยวข้องกับหน่วยงานภายนอกโดยข้อมูลการสอบสวนอาจรั่วไหลสู่ภายนอกโดยไม่รู้ตัว
จากการสำรวจคดีสำคัญทางอาชญากรรมทางเศรษฐกิจทั่วโลก ในปี 2011
• ในขณะนี้อาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์จัดเป็นหนึ่งในสี่ของอาชญากรรมทางเศรษฐกิจที่สำคัญ
• 40 % ของผู้ตอบแบบสอบถามหวาดกลัวในเรื่องของภาพลักษณ์ชื่อเสียงขององค์กรมากที่สุด
• 60% กล่าวว่า องค์กรไม่มีนโยบายติดตามความเคลื่อนไหวในสื่อสังคมออนไลน์
• 34% ของผู้ตอบแบบสอบถามมีประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา (เพิ่มขึ้น 30 % จากปี 2009) เกือบ 1 ใน 10 ที่เปิดเผยถึงความเสียหายจากอาชญากรรมทางเศรษฐกิจมากกว่า 5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ
• 56 % ของผู้ตอบแบบสอบถามกล่าวว่าการทุจริตที่ร้ายแรงที่สุดคือ “ภายในองค์กรนั่นเอง”
• 2 ใน 5 ของผู้ตอบแบบสอบถามไม่ได้รับการฝึกอบรมใดๆเลยเกี่ยวกับความปลอดภัยในโลกไซเบอร์
• ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ไม่ได้ตระหนักถึงการมีแผนรองรับหรือรับมือในกรณีถ้ามีอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์เกิดขึ้นภายในองค์กร
ทำไม การทำ Computer Forensics จึงมีความสำคัญต่อองค์กรคุณ
เมื่อองค์กรต้องเผชิญกับเหตุการณ์ในระบบรักษาความปลอดภัยขององค์กร ส่วนใหญ่เจ้าหน้าที่ทางไอทีจะถูกคาดหวังในประเมินปัญหาที่เกิดขึ้นในเบื้องต้นและพยายามหาข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและประเมินระดับของความรุนแรง ส่วนใหญ่พนักงานไอทีในบริษัททั่วไปไม่ได้รับการฝึกอบรมในด้านการพิสูจน์หลักฐานทางคอมพิวเตอร์(Computer Forensic) ส่งผลให้พวกเขาไม่ตระหนักถึงวิธีการเก็บข้อมูลหลักฐานทางดิจิตอลหรือคอมพิวเตอร์ที่อาจจะต้องนำไปเป็นหลักฐานแสดงต่อศาลในกรณีที่มีการร้องขอ ข้อมูลที่สำคัญอย่างเช่น วันและเวลาที่ปรากฏอาจสูญหายหรือเปลี่ยนแปลงซึ่งจะทำให้การตรวจสอบยากมากขึ้น ในสถานการณ์ที่เลยร้ายที่สุดข้อมูลที่ตรวจพบอาจไม่เป็นที่ยอมรับเมื่อนำไปเสนอในชั้นศาล
การพิสูจน์หลักฐานทางคอมพิวเตอร์ (Computer forensics investigation)จำเป็นต้องมีทักษะเฉพาะซึ่งเกี่ยวข้องกับการเก็บรักษาข้อมูลและตรวจสอบ แยกแยะหลักฐานทางคอมพิวเตอร์ที่พบ แต่การเผยแพร่ หลักฐานที่ถูกต้อง เมื่อต้องเผชิญหลักฐานทางคอมพิวเตอร์องค์กรมีแนวโน้มที่จะเน้น ไปที่ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง และขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของการตรวจสอบข้อมูลหลักฐาน และจำนวนเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เกี่ยวข้อง แต่อย่างไรก็ตามค่าใช้จ่ายจะขึ้นอยู่กับสิ่งต่อไปนี้
หลักฐานที่ได้จากการตรวจสอบหลักฐานทางคอมพิวเตอร์ จะเป็นผลลัพธ์ของการสืบสวนการพิสูจน์หลักฐานทางคอมพิวเตอร์สามารถลดขั้นตอนการดำเนินการทางกฎหมายให้รวด เร็วกระชับขึ้นการพิสูจน์หลักฐานทางคอมพิวเตอร์ สามารถประหยัดเวลาในการตรวจสอบซึ่งยังสามารถช่วยองค์กรประหยัดค่าใช้จ่ายด้วย
เมื่อองค์กรกำหนดแผนรับมือกับเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้น องค์กรควรจะสร้างแผนการซึ่งตอบสนองงานด้านพิสูจน์หลักฐานทางคอมพิวเตอร์ (Computer Incident Response Plan ) ซึ่งอาจหมายถึง การให้พนักงานได้รับการอบรมการเก็บ ตรวจสอบ พิสูจน์หลักฐานทางคอมพิวเตอร์ที่ถูกต้องตามหลักสากลในองค์กร ซึ่งพนักงานที่ผ่านการฝึกอบรมสามารถช่วยเหลือองค์กรเบื้องต้นในกรณีเกิดอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์
การพิสูจน์หลักฐานทางคอมพิวเตอร์เริ่มเป็นที่สนใจในหลายๆประเทศทั่วโลก ปัจจุบันนี้ในประเทศอังกฤษได้ก่อตั้งโครงการ Insurance Scheme ซึ่งเป็นองค์กรที่ให้ความช่วย เหลือลูกค้าถ้ามีการเรียกร้องการตรวจสอบพิสูจน์หลักฐานทางคอมพิวเตอร์ โดยองค์กรต้องยอมรับการพิสูจน์หลักฐานทางคอมพิวเตอร์และเป็นเครื่องมือในการควบคุมผู้ที่กำลังคิดที่จะก่ออาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์
Training For IT Staff – Computer Forensics Awareness and Incident Response Training (TH)
ประวัติผู้เขียน
แอนดรูส์ สมิทธ์ -ผู้อำนวยการพิสูจน์หลักฐานคอมพิวเตอร์ประจำ Orion Forensic
แอนดรูว์มีประสบการณ์มากกว่า 17 ปี ในสาขานิติวิทยาศาสตร์ดิจิทัล และเคยเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจในสหราชอาณาจักรเป็นเวลา 9 ปี โดยในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาเขาใช้เวลาทำงานในแผนกอาชญากรรมคอมพิวเตอร์ตำรวจซึ่งเขาได้รับการฝึกอบรมทางนิติวิทยาศาสตร์อย่างมากมาย มีบทบาทของในการรวมข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์และการวิเคราะห์ข้อมูล รวมไปถึงการนำเสนอหลักฐานในศาลของสหราชอาณาจักรในฐานะพยานผู้เชี่ยวชาญ
ขณะนี้แอนดรูว์ทำงานที่กรุงเทพฯมาเป็นเวลากว่า 7 ปีและเป็นผู้อำนวยการฝ่าย Computer Forensics Services ของ บริษัท Orion Investigations บทบาทของเขาคือดูแลการสืบสวนทางนิติวิทยาศาสตร์ การพัฒนาธุรกิจ การส่งเสริมความตระหนักถึงความปลอดภัยในโลกไซเบอร์และอธิบายหลักฐานในฐานะพยานผู้เชี่ยวชาญในศาลไทย และเป็นวิทยากรที่อบรมให้กับหน่วยงานธุรกิจและองค์กรต่างๆ อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งได้พัฒนาหลักสูตรการฝึกอบรมทางนิติวิทยาศาสตร์สำหรับตลาดในประเทศไทย อีกทั้งยังได้พัฒนาเครื่องมือทางนิติวิทยาศาสตร์ซึ่งปัจจุบันได้ใช้ในห้องปฏิบัติการนิติเวชทั่วโลก
Email :andrew@orioninv.co.th
Read More
หลักการนำหลักฐานดิจิทัลหรืออิเล็กทรอนิกส์ไปใช้ในทางกฎหมาย
เนื่องจากกฎหมายของแต่ละประเทศในเรื่องของการนำเสนอหลักฐานนั้นมีความแตกต่างกัน ดังนั้นการนำหลักฐานดิจิทัลไปใช้ในชั้นศาลซึ่งเป็นกฎที่มีการคิดค้น และพัฒนาในต่างประเทศจนได้รับการยอมรับมากที่สุด ซึ่งมีด้วยกันทั้งหมด 4 ข้อคือ ดังนี้คือ
Read More
การสำเนาพยานหลักฐานต้นฉบับ (Forensics Image) คืออะไร
การสำเนาพยานหลักฐานต้นฉบับ หรือ Forensics Imaging เป็นกระบวนการของการสำเนาของฮาร์ดไดรฟ์ และเป็นพื้นฐานทางนิติคอมพิวเตอร์, การกู้คืนข้อมูล และกระบวนการค้นหาข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกสิ์ ซึ่งกระบวนการ Imaging นั้นจะทำกับข้อมูล ทุกๆข้อมูล ที่บันทึกอยู่ในฮาร์ดไดรฟ์ ซึ่งข้อมูลในฮาร์ดไดรฟ์ จะบันทึกในลักษณะของเลข 0 และ 1
Read Moreการตรวจพิสูจน์พยานหลักฐานดิจิทัลหรือคอมพิวเตอร์
การตรวจพิสูจน์พยานหลักฐานดิจิทัลหรือคอมพิวเตอร์ – เมื่อได้ยินคำว่า “Computer Forensics” หลายคนจะนึกถึงซีรีย์เรื่อง “DSI” และการสืบสวนอาชญากรรมของตำรวจ ในปัจจุบันคำว่า Digital Forensics คือ น่าจะมีการพูดถึงกันมากขึ้นในแง่ของการเป็นเครื่องมือในการสืบสวนการกระทำผิดของพนักงานในองค์กร, การสืบสวนด้านทรัพย์สินทางปัญญา, การสืบสวนผู้บุกรุกเครือข่ายคอมพิวเตอร์(Cyber Crime) และการฟ้องร้องคดีหมิ่นประมาท เป็นต้น
การพิสูจน์หลักฐานทางคอมพิวเตอร์ ในประเทศไทยยังคงเป็นเรื่องใหม่แต่มันกำลังจะเปลี่ยนไป เพียงแค่คุณค้นหาคำเหล่านี้ทางอินเตอร์เน็ตจะพบบริษัทที่โฆษณาการให้บริการด้าน Digital Forensics, คอร์สฝึกอบรม, และเว็บบล็อกที่ให้ความรู้จากทั้งในประเทศและจากต่างประเทศ แต่จะมีใครทราบความหมายที่แท้จริงของคำว่า Digital หรือ Computer Forensics
ดังนั้นเราสามารถทำความเข้าใจง่ายๆว่า มัน คือการรวบรวมข้อมูลหลักฐาน การพิสูจน์หลักฐานทางคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ทางอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งสามารถนำมาใช้เป็นหลักฐานได้ และในทาง Computer Forensics หลักฐานที่ได้จะไม่มีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งถ้ามีความจำเป็นที่จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงก็จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงน้อยที่สุด โดยจะต้องมีการบันทึกกระบวนการได้มาของหลักฐานอย่างเที่ยงตรง(Chain of Custody)

การพิสูจน์หลักฐานทางคอมพิวเตอร์ ไม่เพียงแต่เป็นการสืบสวนข้อมูลทางอีเล็กทรอนิกส์ แต่ยังเป็นการระบุข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการสืบสวนค้นหาหลักฐานเพื่อนำเสนอประกอบการดำเนินคดี ดังนั้นจึงมีความจำเป็นที่คนทั่วไปจะต้องทำความเข้าใจว่า Computer Forensics ไม่ได้หมายถึงเฉพาะข้อมูลในคอมพิวเตอร์ แต่ยังรวมไปถึงอุปกรณ์ที่สามารถจัดเก็บข้อมูลทางอิเล็กทรอนิคส์ เช่น โทรศัพท์มือถือ กล้องถ่ายรูป อุปกรณ์รับสัญญาณดาวเทียม (GPS) อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล USB เครื่องเล่นเกม หรือแม้แต่เตาอบไฟฟ้า ซึ่งหลายคนอาจคาดไม่ถึง
เพื่อพิจารณาการสื่อสารข้อมูลในปัจจุบันจะพบว่าจะเป็นการสื่อสารข้อมูลในรูปของข้อมูลอิเล็กทรอนิคส์ จึงเห็นได้ว่า ทำไมการทำ Computer Forensics จึงเป็นเครื่องมือที่สำคัญต่อธุรกิจในปัจจุบัน ไฮไลท์จากการสำรวจ Global Economic Crime Survey 2011 พบว่า อาชญากรรมไซเบอร์เป็นหนึ่งในอาชญากรรมทางเศรษฐกิจที่มีความสำคัญและมีการรายงานว่า 1ใน 10ของการทุจริตที่เกิดขึ้นในองค์กรซึ่งมีความสูญเสียกว่า 5 ล้าน ดอลล่าสหรัฐ ซึ่งความเสียหายทางชื่อเสียงคือสิ่งที่ผู้คนหวั่นกลัวที่สุดคิดเป็น 40 % ของผู้ตอบแบบสอบถาม และมากกว่า 56% ตอบว่าการทุจริตที่ร้ายแรงที่สุดคือ “ภายในองค์กร”
การสำรวจยังแสดงให้เห็นว่า 60 % ของผู้ตอบแบบสอบถาม ตอบว่าองค์กรไม่ใด้มีกฎข้อห้ามในการเล่น Social Media สุดท้าย 34% ของผู้ตอบแบบสอบถามมีประสบการณ์อาชญากรรมทางเศรษฐกิจในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดือนจากปี 2009 กว่า 30% นอกจากนี้ 2 ใน 5 ของผู้ตอบแบบสอบ กล่าวว่า ไม่เคยได้รับการอบรมใดๆเกี่ยวกับ ความปลอดภัยด้านอาชญากรรมไซเบอร์

เป็นสิ่งที่น่าแปลกใจ เมื่อคุณพิจารณาว่าโลกของเราก้าวไปอย่างรวดเร็ว องค์กรต่างๆต้องพึ่งพาเทคโนโลยีมากขึ้นและการแข่งขันทางด้านเทคโนโลยีที่สูงมากขึ้นตามไปด้วย องค์กรส่วนใหญ่ย่อมคาดหวังที่จะนำเสนอข้อมูลเพื่อดึงดูดลูกค้าผ่านทางเว็บไซต์ และทำให้ลูกค้าสามารถตอบสนองได้อย่างรวดเร็วผ่านผ่านทางฟังชั่นสนทนาออนไลน์ และยังสามารถสั่งซื้อสินค้าได้อย่างปลอดภัยผ่านทางการบริการออนไลน์ของเว็บไซต์ จึงเห็นได้ว่าเทคโนโลยีได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของผู้คนสมัยนี้ ซึ่งคนทั่วไปสามารถเข้าถึงอีเมล์ส่วนตัวเพื่อให้สามารถติดต่อกับเพื่อนๆแม้ในช่วงเวลาทำงาน
สิ่งต่างๆที่กล่าวมามีผลกระทบต่อองค์กรอย่างไร ? องค์กรจะต้องเผชิญกับเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับระบบความปลอดภัยขององค์กรและบางองค์กรไม่ได้เตรียมการล่วงหน้าสำหรับการปกป้องข้อมูลขององค์กรที่เป็นความลับได้อย่างมีประสิทธิภาพ องค์กรทราบดีว่าพวกเขาต้องมีระบบป้องกันข้อมูลรั่วไหลภายในองค์กร เช่น การมีไฟร์วอลล์, ติดตั้งแพทตัวล่าสุดของโปรแกรม Anti Virus อย่างไรก็ตามหลายองค์กรไม่สามารถใช้นโยบายควบคุมการใช้คอมพิวเตอร์ เช่น การนำอุปกรณ์ USB มาใช้ในองค์กร ซึ่งพนักงานอาจจะก๊อบปี้ข้อมูลของบริษัทออกไปได้ ถึงแม้องค์กรจะมีนโยบายการปิดอีเมล์และป้องกันการเข้าถึงข้อมูลองค์กรเมื่อพนักงานคนนั้นลาออก แต่ก็ไม่สามารถป้องกันข้อมูลบริษัทรั่วไหลไปได้
ทุกองค์กรในทุกอุตสาหกรรมทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศต่างก็มีนโยบายในการเข้าถึงข้อมูลที่เป็นความลับขององค์กรและข้อมูลของลูกค้า เพื่อที่จะปกป้องการขโมยข้อมูลออกจากองค์กร แต่การรั่วไหลของข้อมูลยังคงเป็นหนึ่งในปัญหาที่ใหญ่ที่สุดที่องค์กรต้องเผชิญในโลกเทคโนโลยีทุกวันนี้ ถ้าภาคธุรกิจในประเทศไทยปรารถนาที่จะแข่งขันในระดับโลก องค์กรเหล่านี้ควรจะต้องมีความสามารถในการรับมือหรือจัดการกับอาชญากรรมทางไซเบอร์ได้ การรักษาข้อมูล ตอนนี้กลายเป็นปัญหาใหญ่สำหรับองค์กรที่ไม่มีการวางแผนการจัดการกับอาชญากรรมทางไซเบอร์ ซึ่งอาจทำให้พลาดการทำสัญญาทางการค้ากับบริษัทขนาดใหญ่ได้ ดังที่มีผู้กล่าวไว้ว่า “การคาดการณ์ในอนาคตจะผิดพลาด เมื่อมันได้มาถึงตัวอย่างไม่คาดคิด”
- ตัวอย่างของอาชญากรรมไซเบอร์ ได้แก่ การฉ้อโกงผ่านทางคอมพิวเตอร์ การฝ่าฝืนนโยบายความปลอดภัยข้อมูลคอมพิวเตอร์ขององค์กร การจารกรรมข้อมูล การเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต การละเมิดสิทธิส่วนบุคคล และการดาวน์โหลดข้อมูลที่ผิดกฎหมาย
- เมื่อมีเหตุการณ์ไม่ปกติเกิดขึ้นกับองค์กร จึงมีความจำเป็นต้องมีการประเมินความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นกับองค์กร ไม่ว่าจะเป็นในด้าน จริยธรรม, การเงิน และกฎหมาย เมื่อมีการสืบสวนภายในองค์กรและพบว่าอาจทำให้ เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรง อาจจะมีความจำเป็นต้องใช้ การสืบสวนและ ดำเนินงานจากหน่วยงานภายนอกองค์กรที่น่าเชื่อถือและสามารถรักษา ความลับขององค์กรได้

จากที่กล่าวมาข้างต้น จะเห็นได้ว่า Digital Forensics ในประเทศไทยถือเป็นเรื่องใหม่ และผู้ที่เกี่ยวข้องยังมีประสบการณ์ไม่มากพอ จึงมีความจำเป็นที่หน่วยงานด้านกฎหมายทั้งภาครัฐและเอกชนต้องให้ความสนใจเรียนรู้และหาประสบการณ์เพิ่มเติมเพราะหลักฐานทางดิจิทัลอาจจะเป็นหลักฐานสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม
ยังมีผู้คนจำนวนมากเข้าใจผิดเกี่ยวกับ Digital Forensics ตัวอย่างเช่น Digital Forensics เกี่ยวข้องกับการสืบสวนคดีอาชญากรรมเท่านั้น, Digital Forensics มีราคาแพง หรือหลักฐานทางดิจิทัลมีความยุ่งยากซับซ้อน ซึ่งแท้จริงแล้ว Digital Forensics เกี่ยวข้องกับหลายๆส่วนไม่ว่าจะเป็น การสืบสวนคดีอาชญากรรม, การฟ้องร้องในคดีแพ่งหรือการฟ้องร้องเรื่องส่วนตัว ถ้าเกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์, การสื่อสารผ่านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หรือเอกสารอิเล็กทรอนิกส์แล้วก็ล้วนแต่มีความจำเป็นต้องใช้กระบวนการ Digital Forensics ทั้งนั้น การ Forensics สามารถกู้ข้อมูลที่ถูกลบและไฟล์การใช้งานชั่วคราวที่เกิดขึ้นจากกระบวนการทำงานของคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลที่พิสูจน์ได้ผู้ใช้งานจะไม่สามารถโต้แย้งได้เนื่องจากเป็นข้อมูลที่เกิดขึ้นจริง เช่น ข้อมูลการกระทำผิดของพนักงาน
Digital Forensics ดูเหมือนจะเป็นทางเลือกที่มีราคาค่อนข้างสูงซึ่งทำให้คิดได้ว่าอาจจะไม่คุ้มค่าในการลงทุน อย่างไรก็ตาม ในระหว่างการสืบสวนข้อมูลบ่อยครั้งที่สามารถตรวจหาหลักฐานสำคัญที่สามารถนำไปดำเนินคดีในศาลได้ และมีหลายคดีที่สามารถนำไปเป็นหลักฐานในการต่อสู้คดีซึ่งจะช่วยป้องกันความเสียหายทางธุรกิจได้ ดังตัวอย่างต่อไปนี้
พนักงานในองค์กรแห่งหนึ่งซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบแบ็คอัพข้อมูลของบริษัทมาเป็นระยะเวลาหลายปี ได้ตัดสินใจลาออกโดยไม่มีการแจ้งให้บริษัททราบล่วงหน้า เมื่อเขาลาอออกไปทางบริษัทพบว่าเขาได้ลบข้อมูลบางส่วนในอีเมล์ เมื่อได้ใช้การตรวจสอบทาง forensic ที่ฮาร์ดดิสก์คอมพิวเตอร์ของพนักงานและที่เมล์เซิร์ฟเวอร์ของบริษัทพบว่า ก่อนที่เขาจะออกจากบริษัทเขาได้มีการเสียบ usb ไดร์ฟที่เครื่องคอมพิวเตอร์และก็อปปี้ข้อมูลที่แบ็คอัพไว้ และเขายังได้เข้าใช้งานอีเมล์โดยทำการลบอีเมล์สำคัญ เมื่อจำนนต่อหลักฐานเขาจึงยอมรับสารภาพและไม่สามารถโต้แย้งได้

ปัจจุบันนักกฎหมายในเมืองไทยยังเกรงกลัวที่จะใช้หลักฐานทางดิจิทัลในศาลเนื่องจากคิดว่าหลักฐานทางดิจิทัลมีความยุ่งยากซับซ้อนและคิดว่าไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องเนื่องจากมีหลายกรณีที่มีความจำเป็นต้องใช้หลักฐานทางดิจิทัล เช่น รูปภาพ, อีเมล์, เอกสารอิเล็กทรอนิกส์ และประวัติการใช้งานอินเตอร์เน็ต ซึ่งหลักฐานเหล่านี้สามารถนำมาอธิบายในรูปแบบที่คนทั่วไปเข้าใจได้โดยง่าย
การจัดการกับหลักฐานทางดิจิทัลมีสองสิ่งทีสำคัญคือ ความสมบูรณ์ของพยานหลักฐานและความถูกต้องของหลักฐาน โดยเป็นไปตาม พ.ร.บ พระราชบัญญัติธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2554 ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นงานด้านพิสูจน์หลักฐานทางคอมพิวเตอร์ในประเทศไทย
อาชญากรรมทางไซเบอร์ถูกระบุว่า เป็นหนึ่งในสี่อาชญากรรมที่สำคัญทางเศรษฐกิจและจะเพิ่มมากขึ้น ธุรกิจจำนวนมากไม่ได้ตระหนักว่าอาชญากรรมทางไซเบอร์จะส่งผลร้ายแรงต่อธุรกิจ ทั้งทางด้านการเงินและภาพพจน์ขององค์กรจนกระทั่งสายเกินไป เราไม่สามารถหลีกหนีความจริงที่ว่าในปัจจุบันคนส่วนใหญ่ทำธุรกรรมและติดต่อสื่อสารในรูปแบบของอิเล็กทรอนิกส์เพื่อที่เกิดประโยชน์สูงสุด องค์กรต่างๆควรมีการดำเนินการเพื่อลดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นเพื่อป้องกันการตกเป็นเหยื่อของอาชญากรรทางไซเบอร์ และมุ่งมั่น เพิ่มประสิทธิภาพระบบรักษาความปลอดภัยด้านข้อมูลในบทความนี้จะเห็นได้ว่าการสอบสวนทางดิจิทัลเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพที่บริษัทควรจะนำไปเป็นนโยบายพื้นฐานในการป้องกันอาชญากรรมทางไซเบอร์
บริการสืบสวน วิเคราะห์ ข้อมูลหลักฐานจากคอมพิวเตอร์ นำหลักฐานไปดำเนินคดี
เกี่ยวกับผู้เขียน:
Mr. Andrew Smith (Andy) – Director of Computer Forensics Services at Orion Forensics Thailand
แอนดรูว์มีประสบการณ์มากกว่า 17 ปี ในสาขานิติวิทยาศาสตร์ดิจิทัล และเคยเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจในสหราชอาณาจักรเป็นเวลา 9 ปี โดยในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาเขาใช้เวลาทำงานในแผนกอาชญากรรมคอมพิวเตอร์ตำรวจซึ่งเขาได้รับการฝึกอบรมทางนิติวิทยาศาสตร์อย่างมากมาย มีบทบาทของในการรวมข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์และการวิเคราะห์ข้อมูล รวมไปถึงการนำเสนอหลักฐานในศาลของสหราชอาณาจักรในฐานะพยานผู้เชี่ยวชาญ
ขณะนี้แอนดรูว์ทำงานที่กรุงเทพฯมาเป็นเวลากว่า 7 ปีและเป็นผู้อำนวยการฝ่าย Computer Forensics Services ของ บริษัท Orion Investigations บทบาทของเขาคือดูแลการสืบสวนทางนิติวิทยาศาสตร์ การพัฒนาธุรกิจ การส่งเสริมความตระหนักถึงความปลอดภัยในโลกไซเบอร์และอธิบายหลักฐานในฐานะพยานผู้เชี่ยวชาญในศาลไทย และเป็นวิทยากรที่อบรมให้กับหน่วยงานธุรกิจและองค์กรต่างๆ อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งได้พัฒนาหลักสูตรการฝึกอบรมทางนิติวิทยาศาสตร์สำหรับตลาดในประเทศไทย อีกทั้งยังได้พัฒนาเครื่องมือทางนิติวิทยาศาสตร์ซึ่งปัจจุบันได้ใช้ในห้องปฏิบัติการนิติเวชทั่วโลก
Email :andrew@orioninv.co.th
Read Moreทำไม Digital Forensics จึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการเก็บหลักฐานดิจิทัล เพื่อประกอบสำนวนคดี
หลายปีที่ผ่านมา ในการดำเนินคดีความมักจะใช้หลักฐานที่เป็นเอกสารมาใช้ในการพิสูจน์ ซึ่งเอกสารเหล่านี้จะเน้นไปในจุดที่ต้องการค้นหา และเน้นถึงส่วนที่เป็นหลักฐานที่สำคัญเพื่อมาพิสูจน์ แต่ในปัจจุบันคนส่วนใหญ่ใช้คอมพิวเตอร์ในการทำงาน ดังนั้นเอกสารของบริษัทและข้อมูลต่างๆทางธุรกิจถูกเก็บรวบรวมในรูปแบบอิเล็คทรอนิกส์และรูปแบบฐานข้อมูล
Read More
Digital Evidence – Unlocking the Secrets
หลักสูตรการฝึกอบรมหนึ่งวันสำหรับผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายซึ่งเกี่ยวข้องกับการจัดการกับหลักฐานดิจิทัล
Read More



